วีเอ็มแวร์ ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจคลาวด์ ออกมาเปิดเผย 5 เทรนด์ดิจิทัลที่ องค์กรธุรกิจต้องตื่นตัว เพราะจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในโลกยุคที่คาดเดาสถานการณ์ได้ยาก และจะส่งผลให้องค์กรสามารถรับมือกับวิกฤติได้อย่างไม่บอบช้ำมาก
"เอกภาวิน สุขอนันต์" ผู้จัดการวีเอ็มแวร์ประจำประเทศไทย ประเมินถึงทิศทางของเทคโนโลยีระดับองค์กร ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในปีนี้ เทรนด์แรก คือ เอดจ์ (Edge) ที่จะกลายเป็นหน้าด่านสำหรับนวัตกรรมใหม่
เขากล่าวว่า สิ่งอัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีเอดจ์ ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจนในปี 2563 ที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นชัด คือ ธนาคารยูโอบี ธนาคารชั้นนำในเอเชียก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในองค์กรที่เร็วที่สุดในอาเซียน สามารถติดตั้งเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยให้กับเวอร์ชวลเดสก์ท็อป (secure virtual desktop) สำหรับทีมนักพัฒนาไอที 3,000 คน ดำเนินการเสร็จในเวลาเพียง 21 วัน จากปกติที่ต้องใช้เวลาถึงสามเดือน
เอดจ์ คอมพิวติ้ง ช่วยประมวลผลข้อมูลที่รับมาจากอุปกรณ์หลายๆ ตัว แล้วทำให้ข้อมูลที่จะถูกส่งต่อออกไปมีขนาดเล็กลง ไม้เปลืองแบนด์วิธ ช่วยให้การประมวลผลบนคลาวด์เกิดประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งหลายองค์กรในภูมิภาคนี้กำลังลงทุนในเทคโนโลยีเอดจ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อรับมือและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และปีหน้าจะยังคงเห็นการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเอดจ์อย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยี เอดจ์ กำลังถูกเพิ่มความชาญฉลาดให้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสามารถในการเรียนรู้ ตอบสนองและสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมได้อย่างเรียลไทม์ เราเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการรวมโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน ลดจำนวน appliances เฉพาะที่ต้องใช้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากเป็นการเปิดประตูสู่โซลูชั่นอันคุ้มค่าที่นับว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นไปโดยอัตโนมัติ ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนไปในคราวเดียวกัน
"แมชชีน เลิร์นนิ่ง" จะโดดเด่นขึ้น
เทรนด์ที่สอง คือ การกระจายอำนาจของแมชชีน เลิร์นนิ่ง โดยเริ่มเห็นการนำ Federated Machine Learning (FML) มาใช้งานในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรม องค์กรต่างๆ กำลังคิดกระบวนการที่ทำให้องค์กรนำข้อมูลมาขับเคลื่อนการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับการใช้ประโยชน์จากการตามรอยต้นแบบเทคโนโลยีที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย
"ผมคาดว่าการเกิดขึ้นของแอพพลิเคชันที่ใช้งานง่ายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ จะช่วยเร่งให้เกิดการนำไปใช้ จากการนำแมชชีน เลิร์นนิ่ง มาใช้อย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้ เป็นตัวเร่งให้เกิดการขับเคลื่อนโซลูชั่นแบบครบวงจร"
ส่วนเทรนด์ที่สาม คือ แรงหนุนต่ออายุโครงการเวิร์คเพลส 2.0 (Workplace 2.0) เทคโนโลยีอย่างเออาร์ และวีอาร์ กำลังได้รับความสนใจ โดยเฉพาะการนำมาใช้ฝึกอบรมพนักงาน การนำเออาร์ มาใช้ในการนำทาง (เช่น นำมาใช้ค้นหาที่ตั้งสาขาในองค์กร) และใช้ประชุมออนไลน์ แม้ยังต้องการการผลักดันให้เกิดการยอมรับ และนำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้มากขึ้น ปี 2564 จะเห็นว่ามีการนำเออาร์ และวีอาร์ มาใช้มากขึ้น เนื่องมาจากความก้าวหน้าในเทคโนโลยีระดับองค์กร ที่มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย ประสบการณ์ผู้ใช้งาน และโซลูชั่นต่างๆ เพื่อบริหารจัดการอุปกรณ์
เทรนด์ที่สี่ คือ วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของความปลอดภัย การปกป้องข้อมูล รายงานของวีเอ็มแวร์ก่อนหน้านี้ เผยว่า ความถี่การโจมตีทางไซเบอร์สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเอเชียแปซิฟิก ต้องเผชิญกับปริมาณการโจมตีที่เพิ่มขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา